ผลไม้พื้นเมือง “เพชรบุรี” ที่ได้ GI มีอะไรบ้าง?
- kantorn.emn
- 12 ก.พ.
- ยาว 2 นาที
จังหวัดเพชรบุรีมีภูมิประเทศหลากหลาย ตั้งแต่แนวเขาทางตะวันตก พื้นที่ราบลุ่มตอนกลาง จนถึงชายฝั่งทะเลตะวันออก ก่อให้เกิดภูมิอากาศย่อยและระบบนิเวศเกษตรหลายแบบ ทำให้พืชผลมีรสชาติ–กลิ่น–คุณภาพเฉพาะถิ่น จากพื้นฐานดังกล่าว ผลิตผลหลายชนิดของเพชรบุรีจึงได้รับ “สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI)” ตอกย้ำความเชื่อมโยงระหว่างถิ่นกำเนิด วิถีการผลิต และคุณลักษณะสินค้า
1) ชมพู่เพชร (Phet Rose Apple)
ทำไม “ชมพู่เพชร” ถึงพิเศษ
พันธุ์: “เพชรสายรุ้ง” ผลทรงระฆังคว่ำ กลางผลป่องเล็กน้อย ผิวผลแก่จัดมีเส้นสีแดงและเส้นสีเขียว เนื้อขาว กรอบ หวาน ค่า Brix เฉลี่ยราว 11–15° (ตามสเปก GI)
เขต GI: ปลูกและผลิตได้ครอบคลุมทั้ง 8 อำเภอของเพชรบุรี (เมืองฯ บ้านลาด ท่ายาง บ้านแหลม เขาย้อย ชะอำ หนองหญ้าปล้อง แก่งกระจาน) ต้องขึ้นทะเบียนสมาชิกและควบคุมย้อนกลับได้ตามระบบ GI
เรื่องเล่าท้องถิ่น: บันทึกว่าปลูกครั้งแรกในเพชรบุรีตั้งแต่ รัชกาลที่ 4 (พ.ศ. 2375) และโด่งดังจนคนทั่วไปเรียก “ชมพู่เพชร” ตามถิ่นกำเนิดมาตั้งแต่อดีต
ฤดูกาล–การจัดการ
ออกดอกปีละ 3–6 ครั้ง เก็บเกี่ยวหลังห่อผลประมาณ 15–25 วัน (เฉลี่ย ~2 เดือนนับจากออกดอก) เน้นห่อผลเพื่อคุณภาพเปลือก–สี
เคล็ดลับเลือกซื้อ/แปรรูป
เลือกผลผิวใส เขียวอ่อนอมชมพู เส้นแดง–เขียวชัด จับแล้วแน่นมือ
กินสด/ยำผลไม้/สลัด หรือทำ “น้ำชมพู่โซดา” เพิ่มภาพลักษณ์พรีเมียมในคาเฟ่ท้องถิ่น
2) กล้วยหอมทองเพชรบุรี (Phetchaburi Gros Michel Banana) — GI สมาชิกใหม่ (2567)
เอกลักษณ์รสสัมผัส
พันธุ์ Gros Michel ผล “ยาว 17–20 ซม.” ปลายจุกยาว เปลือกบาง ผลดิบสีเขียวอ่อน พอสุกสีเหลืองนวล เนื้อสีครีม–เหลืองอ่อน เนียนละเอียด นุ่มฟู ไร้เมล็ด ไส้ไม่ฉ่ำน้ำ ค่าความหวานผลสุก 19–23 °Brix; เขต GI ครอบคลุม 6 อำเภอ (เมืองฯ ท่ายาง บ้านลาด แก่งกระจาน หนองหญ้าปล้อง ชะอำ)
ฤดูกาล–การจัดการ
ปลูก: ดินร่วนปนทราย ไถ 2 ครั้ง ตากดิน 1–2 เดือน ทำร่องกว้าง 4–6 ม. ลึก 20–30 ซม. ระยะปลูก 1.5–2 ม. ระหว่างแถว ~2 ม.; ใช้หน่อจากต้นแม่สูง 50–100 ซม. (หน่อดาบ/ใบแคบ) แล้ว ปาดหน่อเอียง ~45° หลังปลูก ~3 สัปดาห์ เพื่อให้สุกพร้อมกันทั้งแปลง.
ดูแล: ให้น้ำทุก 3–4 วัน (หรือเมื่อดินแห้ง), แต่งใบช่วงอายุ 3–4 เดือนและ 6–7 เดือน เหลือ 8–12 ใบ/ต้น; รักษาความสะอาดแปลง.
เก็บเกี่ยว: 55–60 วัน หลัง “ตัดปลี” (สุก ~70–80%); ลำเลียงอย่างระมัดระวัง.
บ่ม: ห้องอับอากาศด้วย เอทิลีน 21–24 ชม. เพื่อควบคุมสีและยืดอายุขาย.
เคล็ดลับเลือกซื้อ/แปรรูป
เลือกหวี/เครือที่ผลใกล้เคียงกัน สีเหลืองนวลสม่ำเสมอ ไม่มีช้ำกดบุ๋ม; เนื้อควร “แน่นนุ่ม” ไม่เละ–ไม่ฉ่ำน้ำ (เข้ากับจุดเด่นสเปก GI) → ทำสมูทตี้ เค้กกล้วยหอม กล้วยคาราเมล—หรือกินสดคู่ “พริกเกลือแบบเพชร ๆ” ก็อร่อย
ทำคอนเทนต์ความรู้: โชว์ Before/After การบ่มเอทิลีน + ค่าหวาน °Brix จากสเปก GI ให้เห็นความเป็นวิชาการ-น่าเชื่อถือ (เหมาะกับเพจ/สไลด์)
น้ำตาลโตนดเมืองเพชร (Phetchaburi Palmyra Sugar)
ทำไมน้ำตาลโตนดเมืองเพชรถึงพิเศษ
ทะเบียน GI สช 56100048 (16 ก.ย. 2551) ระบุว่าเป็นน้ำตาลจาก “ตาลโตนด (Borassus flabellifer)” ของเพชรบุรี กลิ่น–รสหวานหอมเฉพาะ ใช้ทำขนมเมืองเพชร—ผลิตใน 8 อำเภอของเพชรบุรี (ครอบคลุมทั้งพื้นที่ราบลุ่ม–ชายฝั่ง).
ประเภทสินค้าใน GI 2 แบบ: 1) น้ำตาลโตนดสด (น้ำ) และ 2) น้ำตาลโตนดปึก (ก้อน); ลักษณะทางกายภาพ/กลิ่นรส—สีน้ำตาลอ่อนถึงน้ำตาลเข้ม เนื้อเนียน เม็ดละเอียด กลิ่นหอมธรรมชาติของตาลโตนด รสหวานนุ่ม
ฤดูกาล–การจัดการ
ฤดูผลิตหลัก: ราว ม.ค.–พ.ค. (ประมาณ 5 เดือน) โดย รองน้ำหวานทุก 3–4 วัน ต่อ 1 ช่อ (หลัง “บ่มช่อ” ~3 วัน) เพื่อให้น้ำหวานไหลดี—ต้องรีบแปรรูป ไม่เช่นนั้นจะเกิดการหมักเปรี้ยว. กรมทรัพย์สินทางปัญญา
อุปกรณ์หลัก: มีดพะอง เชือก/เข็มขัดปีน กระบอกไม้/สแตนเลสสำหรับรองน้ำหวาน ฯลฯ
กระบวนการทำน้ำตาล:
นำน้ำหวานสดที่รองได้ กรอง–เคี่ยว (หม้อ/เตาถ่าน) ให้ข้นเป็น “น้ำตาลยวง/น้ำตาลตะล่อม” หรือกวนขึ้นรูปเป็น น้ำตาลปึก;
คุมไฟ–คุมเวลาให้ “สี–กลิ่น–เนื้อเนียน” ตามสเปก GI;
บรรจุและระบุข้อมูลแหล่งผลิตเพื่อ ตรวจสอบย้อนกลับ
เคล็ดลับเลือกซื้อ/แปรรูป
แบบ “ปึก/ก้อน”: สีคาราเมลอ่อนถึงเข้ม เนื้อเนียน ไม่เป็นเม็ดทรายหยาบ กลิ่นหอมชัด;แบบ “น้ำ”: สีอำพันใส ไม่หมักเปรี้ยว—นิยมใช้ทำขนม/เครื่องดื่ม
ความคิดเห็น